Uncategorized

Data Scientist อาชีพที่กำลังมาแรง

Data Scientist คืออะไร Data Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ฟังชื่อแล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่าตกลงอาชีพ Data Scientist คืออะไรกันแน่? ทำหน้าที่เหมือนนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิเคราะห์ข้อมูลหรือเปล่า จริงๆ แล้วชื่อเรียกก็มาจากลักษณะงานของอาชีพนี้โดยตรง ที่ทำงานวิเคราะห์ Big Data หรือข้อมูลจำนวนมหาศาลในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ สร้างสรรค์โปรโมชั่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ และยังช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น แต่ก่อนจะนำข้อมูลไปใช้ ก็ต้องผ่านขั้นตอนการตั้งสมมติฐาน ทดลอง และหาผลลัพธ์ ซึ่งถือเป็นกระบวนการหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์ (Scientist) โดยรวมแล้วบทบาทความรับผิดชอบของอาชีพ Data Scientist นั้นค่อนข้างกว้าง ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละองค์กร บางคนอาจจะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลเพียงอย่างเดียว ขณะที่บางองค์กรต้องการคนที่สามารถนำข้อมูลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ กระบวนการทำงานของอาชีพ Data Scientist คือ ตั้งสมมติฐาน → ค้นคว้าหาข้อมูล → วิเคราะห์ข้อมูล → สร้างแบบจำลอง → สื่อสารผลลัพธ์ ทักษะที่จำเป็น Data Scientist คืออาชีพที่บูรณาการองค์ความรู้หลายด้าน ทั้งทักษะทางตรง (Hard skill) และ ทักษะทางอ้อม (Soft skill) ประกอบไปด้วย ความรู้ด้านคณิตศาสตร์และสถิติ

Continue reading

Scrum คืออะไร รู้จักหนึ่งในแนวคิดการทำงานแบบ Agile พร้อมวิธีการทำ

Scrum คืออะไร Scrum คือรูปแบบการทำงานลักษณะหนึ่ง ที่ช่วยให้สามารถระบุปัญหาที่มีความซับซ้อน รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพื่อตอบรับการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ผ่านการเน้นการทำงานแบบเป็นทีม มากกว่าการเจาะลึกไปที่ขั้นตอนของการดำเนินการ นอกจากนี้ยังช่วยวัดผลและสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากเกิดปัญหาก็สามรถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ซึ่ง Scrum คือหนึ่งในแนวคิดการทำงานแบบ Agile ด้วยนั่นเอง ข้อดีของการทำโปรเจกต์ด้วย Scrum Framework ก่อนจะไปเจาะลึกถึงขั้นตอน หน้าที่ และวิธีการทำ Scrum เรามาดูข้อดีของ Scrum กันก่อน ว่ามีอะไรบ้าง ช่วยเกิดความรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น สามารถจัดการและวางแผนการทำงานได้ง่ายขึ้น ผ่านการแบ่งโปรเจกต์ออกเป็นขั้นตอนย่อย เป็นลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนแผนงานได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์ มีขั้นตอนในการทดสอบ ช่วยให้สามารถพบปัญหาและแก้ไขได้ทันที ช่วยพัฒนาการทำงานแบบเป็นทีม พร้อมการสื่อสารระหว่างทีมอย่างสม่ำเสมอ ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ข้อเสียของการทำโปรเจกต์ด้วย Scrum Framework นอกจากข้อดีแล้ว ก็ยังมีข้อเสียของ Scrum ที่ควรรู้ก่อนหยิบวิธีการนี้ไปใช้กับการทำงานในทีม ดังนี้ หลายครั้งการใช้รูปแบบการทำงาน Scrum ทำให้กำหนดงานเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ เนื่องจากไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจน หากคนหนึ่งคนใดในทีมไม่รับผิดชอบกับงานของตัวเอง ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่งานจะไม่สำเร็จ Daily Stand-up อาจทำให้ทีมรู้สึกเบื่อหน่ายได้ มีความท้าทายสูงหากนำรูปแบบการทำงาน Scrum ไปใช้กับทีมขนาดใหญ่ หากมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งออกจากทีมในระหว่างการทำงาน

Continue reading

คนหางานจบใหม่ทำอย่างไรให้ดูโดดเด่นกว่าเพื่อนในรุ่น

คนหางานจบใหม่ทำอย่างไรให้ดูโดดเด่นกว่าเพื่อนในรุ่น นอกจากความจับต้นชนปลายในช่วงหางานจบใหม่แรก ๆ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแข่งขันในตำแหน่งงานค่อนข้างสูง เพราะไม่ใช่แค่คุณที่จบใหม่ คนในสาขาวิชาเดียวกับเราก็จบออกมาพร้อมกันหลายพัน หลายหมื่นคน หากเป็นสายงานเฉพาะทาง มีความต้องการในตลาดงานสูงก็แล้วไป อาจจะไม่ต้องกดดันมาก แต่ถ้าเป็นสายงานแมส ไม่จำเป็นต้องจบเฉพาะทางมาก็ทำได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นสายสังคม ก็อาจจะต้องเจอกับการแข่งขันและคู่แข่งจากหลากหลายสถาบัน 5 วิธีที่คนหางานจบใหม่จะโดดเด่นกว่าใคร ในเมื่อจะเข้าสู่สนาม ขึ้นสู่สังเวียนของการแข่งขันเรื่องงาน การทำตัวเองให้พร้อม มีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าผู้ร่วมลงสนามคนอื่น ๆ ก็จะยิ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ผู้ว่าจ้างจะเลือกเรามากกว่าใคร อย่าลืมว่าการเตรียมพร้อมที่ดีย่อมนำมาซึ่งความมั่นใจ ถึงจะอยู่ในช่วงหางานจบใหม่ก็ไม่ต้องหวั่นใจ หากเราเก็บสกิลต่าง ๆ จนแน่นแล้ว ตำแหน่งงานในฝันย่อมเป็นจริงได้สักวันอย่างแน่นอน 1. เติมทักษะต่าง ๆ ให้รอบด้าน ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย อย่าลืมเก็บเกี่ยวและสั่งสมทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกัน ทั้งเรียนทั้งเล่น โดยทักษะที่ว่าไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเรื่อง Hard Skill เท่านั้น จะ Soft Skill ก็ได้ ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณสนใจ อยากจะพัฒนาหรือเติมตัวเองในด้านนั้น ๆ ให้เต็มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเรื่องวิชาการเสมอไป แต่ขอแค่เป็นเรื่องที่มีหลักฐานหรือสิ่งที่พอวัดผลได้เป็นพอ ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคุณสนใจในงานเขียน การลงคอร์สเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนในหลาย ๆ รูปแบบก็เป็นช่องทางหนึ่ง

Continue reading

วิธีป้องกัน CESIUM 137 กัมมันตรังสี สารสุดอันตราย

วิธีป้องกัน CESIUM 137 กัมมันตรังสี สารสุดอันตราย CESIUM 137 เป็นสารกัมมันตรังสีที่มีความเป็นอันตรายสูงและเป็นผลมาจากการระเบิดนิวเคลียร์ โดยมีการใช้งานและจำหน่ายในหลายประเทศ แต่ถูกห้ามใช้งานในประเทศไทยด้วยกฎหมาย CESIUM 137 สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม หรือการหายใจเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ และสามารถสะสมตัวในร่างกายได้ เมื่อสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกาย เช่น การสะสมตัวในเนื้อเยื่อ และเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง วิธีการป้องกัน CESIUM 137 คือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสี และหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหาร น้ำดื่ม และอากาศที่มีสารกัมมันตรังสีซึ่งอาจเป็นต้นตอของ CESIUM 137 นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เทคโนโลยีการทำความสะอาดและกำจัดสารกัมมันตรังสีจากพื้นที่ โดยใช้เทคโนโลยีเช่น การใช้สารเคมี หรือการใช้เทคโนโลยีการถ่ายกล้องอินฟราเรด หากมีความเสี่ยงในการสัมผัสกับ CESIUM 137 ควรรีบหนีออกจากพื้นที่ และรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและตรวจสอบสุขภาพ ด้วยความรู้สึกถึง CESIUM 137 นี้ หวังว่าจะช่วยเพิ่มความตระหนักและความรู้สำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ CESIUM 137 และวิธีป้องกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีการใช้เทคโนโลยีหรือสารกัมมันตรังสีในการผลิตหรือการใช้งานนั่นเอง เพื่อดูแล SEO ให้เนื้อหานี้เข้ากับความต้องการของผู้ค้นหา ควรใช้คำสำคัญเกี่ยวกับ CESIUM 137

Continue reading

เขียนโปรแกรม ให้เป็นไม่ยาก แค่เริ่มต้นให้ถูก

เขียนโปรแกรม ให้เป็นไม่ยาก แค่เริ่มต้นให้ถูก ถ้าอยาก เขียนโปรแกรม เป็น เริ่มต้นอย่างไรดี หนึ่งในคำถามที่คนอยากเป็นนักเขียนโปรแกรมอยากรู้ เพราะการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นไม่เพียงช่วยให้มีพื้นฐานที่ดี แต่ต่อยอดความเป็นมืออาชีพได้ในอนาคต และไม่ว่าจะอายุเท่าไรคุณก็ เขียนโปรแกรม ได้แค่อยากจะทำ เรื่องต้องรู้ก่อนเป็นนักเขียนโปรแกรม ก่อนเป็นนักเขียนโปรแกรมต้องสำรวจตัวเองว่าพร้อมจะเหนื่อยไหมอันนี้คือข้อแรก เพราะเมื่องานของเราไปถึงผู้ใช้งาน ต้องดูแลโค้ด แก้ปัญหาบั๊กอยู่ตลอด หรือหากโดนติก็ต้องปรับปรุง เงินเดือนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ การจบงานได้ ทำตามเงื่อนไขได้ ยิ่งได้ภาษาอังกฤษยิ่งดี สำหรับใครที่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพจำว่าต้องฝึก ฝึก และฝึก โปรแกรมเมอร์ฝึกได้ การจะเป็นโปรแกรมเมอร์ต้องฝึกฝนที่จะคิดแก้ปัญหา รู้ว่าปัญหาคืออะไร และจะแก้อย่างไร เช่น ขี้เกียจไปซื้ออาหาร คิดแอปพลิเคชันอย่างไลน์แมนให้มีฟังก์ชันไปซื้อให้แทน เมื่อคิดได้แล้วให้ออกแบบฐานข้อมูล คิดว่าระบบควรมีอะไรบ้าง อย่ากลัวผิดอย่ากลัวเพิ่ม ให้คิดไปเรื่อย ๆ หลังจากนั้นเลือกใช้ภาษาที่ชอบและคิดว่าใช่ อาทิ if – else, loop ฯลฯ และอย่ากลัวกับการ error ต้องกล้าและจัดการอย่างมั่นใจ ที่สำคัญหาคอร์สเรียนที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มความชำนาญและความรู้ใหม่ ๆ ทักษะสำหรับโปรแกรมเมอร์ ภาษาอังกฤษ เป็นทักษะที่จำเป็นมากเพราะภาษาที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษจะไม่เข้าใจ Error แก้ปัญหาไม่ได้

Continue reading

10 วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 และการดูแลตนเอง

1. ติดตามคุณภาพอากาศฝุ่น PM 2.5 วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 เมื่อเรามีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น สามารถโหลดแอปพลิเคชันวัดค่าฝุ่นละอองได้ หรือติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยตรวจสอบในบริเวณที่ตนเองอยู่อาศัย หรือบริเวณใกล้เคียง หรืออาจใช้เครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 2. สวมหน้ากากอนามัย วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 หน้ากากอนามัย จะช่วยลดความเสี่ยมทั้งโรคโควิด 19 และป้องกันฝุ่นละอองต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน แนะนำให้เราเลือกหน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 อย่างเช่น หน้ากากอนามัย N-95 และต้องรู้จัก วิธีสวมใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกต้อง 3. ปิดหน้าต่าง วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 ถ้าอากาศภายนอกเต็มไปด้วยฝุ่น pm 2.5 ละอองต่างๆ ควรปิดหน้าต่างให้สนิท เพื่อไม่ให้มลพิษอากาศเข้ามาภายในอาคาร แต่คุณควรใช้เครื่องฟอกอากาศมาเป็นตัวช่วยนะ เพราะถ้าปิดห้องนานเกินไป จะทำให้ระบบไหลเวียนอากาศไม่เพียงพอ รู้สึกอึดอัดได้ 4. สวมใส่แว่นตากันฝุ่น วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะที่ผู้ขับขี่รถมอไซค์ในเมืองหลวง หรือผู้ที่ต้องเดินทางมาทำงานในสถานที่แออัด มักจะได้รับฝุ่น pm

Continue reading

คำนวณภาษี 2565 รายได้เท่าไหร่ต้องจ่ายภาษี พร้อมรายการลดหย่อนที่ควรรู้

คำนวณภาษี 2565 รายได้เท่าไหร่ต้องจ่ายภาษี พร้อมรายการลดหย่อนที่ควรรู้ ใครต้องเสียภาษีบ้าง ? คำว่า “บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้” คือ ใครก็ตามที่ทำงานและมีรายได้ กรมสรรพากรกำหนดไว้ว่า หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี จะต้องทำการ “ยื่นแบบแสดงรายการภาษี” ไม่ว่ารายได้นั้นจะมาจากเงินเดือน รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน รายได้ที่เป็นปันผลจากการลงทุน ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร รายได้จากการรับจ๊อบเสริม หรือรายได้จากการทำธุรกิจต่าง ๆ โดยกำหนดการยื่นภาษีจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้ – มนุษย์เงินเดือน (ภ.ง.ด.90, ภ.ง.ด.91) ที่มีรายได้จากเงินเดือนเป็นหลัก จะยื่นแบบปีละ 1 ครั้ง ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป – เจ้าของกิจการหรือใครก็ตามที่มีรายได้หลักเป็นการให้เช่าทรัพย์สิน เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เงินได้จากการรับเหมา เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ (ภ.ง.ด.94) แบบนี้จะต้องยื่นภาษี 2 ครั้ง คือ ยื่นตอนกลางปีภายในเดือนกันยายนของทุกปี และช่วงท้ายปีก่อน 31 มีนาคม ของปีถัดไป เพื่อเป็นการสำรุปรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา มีรายได้เท่าไหร่ถึงต้องจ่ายภาษี หากเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป จะต้องทำการ

Continue reading

Full Stack Developer คืออะไร พร้อมทักษะจำเป็นในการทำงาน

Full Stack Developer คืออะไร พร้อมทักษะจำเป็นในการทำงาน Full Stack Developer คือตำแหน่งอะไร มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง Full Stack Developer คือนักพัฒนาเว็บไซต์ที่ต้องอาศัยทักษะแบบอัดแน่นในการช่วยพัฒนาทั้งในส่วนของ Front End และ Back End หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือต้องเป็นคนที่สามารถดูแลระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านของเว็บไซต์ได้นั่นเอง แต่จริงๆ แล้วคนที่ทำงานตำแหน่ง Full Stack Developer อาจจะไม่จำเป็นต้องเก่งในด้านการพัฒนาทั้ง Front End และ Back End แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ เนื่องจากต้องทำหน้าที่ในการดูภาพรวมของทั้งหมด และเชื่อมต่อทั้งหน้าบ้านกับหลังบ้านเข้าด้วยกัน จริง ๆ แล้วในส่วนของการดูแลหน้าบ้านและหลังบ้านนั้น ก็จะมีตำแหน่ง Front End Developer และ Back End Developer แยกตัวออกมาอยู่แล้ว แต่ความสำคัญของตำแหน่ง Full Stack Developer นั่นก็คือคนกลางที่จะคอยช่วยพัฒนาหรือประสานให้ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านทำงานร่วมกันได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งหากขาด Full Stack Developer ไป ก็อาจทำให้โปรเจกต์นั้น ๆ

Continue reading

เทคนิคเปลี่ยนสายงานไปสายไอที

เทคนิคเปลี่ยนสายงานไปสายไอที ถึงแม้ว่าคุณไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสายงานนี้มาก่อน แต่ยังอยากเปลี่ยนสายงานก็อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะการเปลี่ยนสายงานไม่มีคำว่าสายเกินไป หากคุณพร้อมที่จะเรียนรู้และทำงานหนัก คุณก็สามารถสร้างเส้นทางสายอาชีพที่ดีได้ วันนี้เรามาพร้อมกับบทความดี ๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับการเปลี่ยนสายงานมาสายไอทีให้คุณได้อ่านกัน วิธีการเข้าสู้เส้นทางสายอาชีพไอที (แม้ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านไอทีมาก่อน) 1. เน้นทักษะที่เปลี่ยนถ่ายได้ ก่อนอื่นคุณควรจะสำรวจตัวเองก่อนว่ามีทักษะไหนที่เป็นจุดแข็งของคุณบ้าง การไม่มีประสบการณ์ด้านไอทีไม่จำเป็นต้องเป็นจุดอ่อนเสมอไป ดังนั้นคุณควรเน้นจุดแข็งที่เป็นทักษะด้านต่าง ๆ บางคนที่เปลี่ยนสายงานหรือเปลี่ยนแวดวงธุรกิจอาจจะทำให้คุณมีทักษะบางอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้กับสายงานด้านไอทีได้เพราะงานด้านเทคโนโลยีในบางส่วนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีเสมอไป บริษัทไอทีบางแห่งอาจจะต้องการพนักงานขายที่มีความสามารถด้านการสื่อสาร หรืออาจจะต้องการพนักงานที่มีความรู้ด้านการเงินที่มาพร้อมกับความสามารถด้านการจัดการโครงการ เทคโนโลยีกลายมาเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจในปัจจุบัน จนทำให้แทบทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงอาจจะมองหาผู้ที่ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านไอทีมาโดยตรง แต่เป็นผู้ที่ทักษะด้านอื่นแล้วสามารถนำมาปรับใช้ให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ มีทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะหลากหลายประเภทที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการแก้ปัญหา และทักษะด้านการลงรายละเอียดก็เป็นสิ่งผู้ประกอบการกำลังมองหา เพราะธุรกิจหลาย ๆ ด้านต้องมีการเสนอทางแก้ปัญหาให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีทักษะด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะถึงแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ก็ยังต้องมีคนที่ช่วยทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น ทั้งยังต้องช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอีกด้วย ทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะเหล่านี้สามารถเรียนรู้เทคนิคด้านเทคโนโลยีได้เพิ่มเติมเช่นกัน เช่น คนที่มีพื้นฐานด้านการออกแบบ อาจจะเรียนเกี่ยวกับ ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ หรือ User Experience (UX) ในขณะที่คนที่มีพื้นฐานด้านการขาย และการตลาด ก็อาจจะมาเรียนรู้ด้านระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ และการตลาดดิจิทัลเพิ่มเติม สำหรับคนที่มีประสบการณ์ด้านการเงินมาก็ยังสามารถเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีทางด้านการเงินหรือการวิเคราะห์ข้อมูลได้อีกด้วย 2. เรียนรู้ด้านเทคนิคเพิ่มเติม หากคุณต้องการทำงานในสายงานด้านเทคโนโลยี การมีความรู้พื้นฐานก็เป็นเรื่องสำคัญ การเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ เช่นการเขียนโค้ดจะช่วยให้คุณนำความรู้และทักษะที่คุณมีไปประยุกต์ใช้กับโลกดิจิทัลได้ และหากคุณมีความชำนาญด้านการใช้ซอฟต์แวร์ หรือระบบบางตัวก็จะช่วยทำให้คุณมีจุดดแข็งมากขึ้น ข้อดีของการเรียนรู้ในปัจจุบัน คือ คุณไม่จำเป็นต้องกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยถึง

Continue reading

การวิเคราะห์ SWOT Analysis เพื่อพัฒนาตนเอง

การวิเคราะห์ SWOT Analysis เพื่อพัฒนาตนเอง ทำความรู้จัก SWOT Analysis สวอทเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์สำหรับการวางแผนกลยุทธ์เบื้องต้น สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกบริษัท โดยสามารถวิเคราะห์ได้ทั้งสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมไปถึงการวางแผนธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต ซึ่งประโยชน์คือจะช่วยแก้ไขปัญหาและความลดเสี่ยงที่อาจเกิดผลเสียต่อบริษัท แถมยังเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วย SWOT ประกอบด้วยอะไรบ้าง S – Strength (จุดแข็ง) หมายถึง เรามีข้อดีในด้านใดบ้างที่สามารถดึงขึ้นมาเป็นจุดแข็งของตนเอง โดยสามารถวิเคราะห์ถึงทักษะและความสามารถของเราว่าโดดเด่นทางด้านไหน อีกทั้งยังควรหาวิธีในการพัฒนาตนเอง เพื่อนำไปสู่การฝึกฝนทักษะของตลอดเวลา ซึ่งนี่จะเป็นตัวช่วยในการเสริมศักยภาพของเราให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ W – Weakness (จุดอ่อน) ในส่วนนี้ให้เราลองมาหาจุดอ่อนในตัวเอง ว่ามีข้อด้อยตรงไหนบ้าง รวมไปถึงสิ่งที่เราไม่ถนัด ไม่ชอบ หรือทำได้ไม่ดีนัก เพื่อหาหนทางนำไปสู่การปรับปรุง แก้ไข ยาวไปจนถึงขั้นตอนของการพัฒนาตนเอง เพื่อรีบขจัดจุดอ่อนให้ตัวเองจุดนั้นออกไปให้เร็วที่สุด O – Opportunities (โอกาส) ในส่วนนี้ถือเป็นปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายนอก ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้ธุรกิจหรือการทำงานมุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้ และช่วยส่งเสริมการพัฒนาตัวเองให้เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพแบบอัดแน่น เพราะฉะนั้นหากมีโอกาสเข้ามาหาเราแล้ว เราจึงควรรีบคว้าไว้ T – Threats (อุปสรรค) อีกหนึ่งปัจจัยภายนอกที่ต้องผ่านการวิเคราะห์เช่นกัน เพราะหนทางสู่ความสำเร็จมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่งอุปสรรคสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ รวมไปถึงความเสี่ยงต่างๆ

Continue reading

เหตุผลที่คนอยากออกจากงาน

เหตุผลที่คนอยากออกจากงาน 1. โอกาสในการเติบโตในองค์กรน้อย แน่นอนว่าสำหรับคนทำงานนั้น การเจริญเติบโตในหน้าที่การงานคือเป้าหมายสำคัญ เพราะแสดงให้เห็นว่าคุณผ่านประสบการณ์มายาวนานได้รับการฝึกฝน ขัดเกลาเทคนิคการทำงานกับองค์กรนั้น ๆ มานานแค่ไหน แต่หลายคนประสบปัญหาทำงานมานานหลายปี แต่ต้องย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหนเสียที ซึ่งบ้างครั้งอาจจะเป็นเพราะตำแหน่งที่โตกว่ายังไม่ว่างทำให้คุณต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมนานเท่ากับอายุงาน หรือองค์กรอาจจะมองหาคนจากภายนอกบริษัทมาแทนตำแหน่งที่สูงกว่าคุณ เพราะต้องการแนวความคิดใหม่ ๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้พนักงานมองว่าการออกไปหาโอกาสในที่ทำงานใหม่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ดีกว่า 2. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายไม่ราบรื่น สำหรับโลกแห่งการทำงานนั้น การทำงานร่วมกันเป็นทีมถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ แต่หากคนในทีมไม่สมัครสามัคคีกันย่อมทำให้เกิดรอยร้าว และนำไปสู่ความไม่เข้าใจกันในที่สุดส่งผลให้งานที่ออกมามีปัญหา พนักงานหลายคนยอมรับว่าหากความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานไม่ราบรื่น เช่น ทัศนคติไม่ตรงกัน มีปัญหาการเมืองภายใน จะส่งผลให้การสื่อสารขณะทำงานร่วมกันมีปัญหา และอาจจะส่งผลให้ทำงานผิดพลาดได้ซึ่งทำให้พวกเขาอึดอัดใจไม่น้อยเพื่อต้องเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ที่อึมครึมกับเพื่อนร่วมงาน เฉกเช่นเดียวกันกับพนักงานที่รู้สึกว่าความสัมพันธ์กับหัวหน้างานไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายไม่ปลื้มผลงาน เจ้านายลำเอียง หรือเจ้านายเลือกที่รักมักที่ชัง เพราะพวกเขาเล็งเห็นว่าหากมีปัญหากับหัวหน้างานอาจจะส่งผลให้ไม่ได้รับการโปรโมท ไม่ได้ปรับขึ้นเงินเดือน หรืออาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องทำงานด้วย 3. ได้รับการปรับเงินเดือนแต่ไม่เพียงพอ พนักงานหลายคนลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนจำนวนน้อยเกินไป ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากอัตราค่าครองชีพปัจจุบันนั้นสูงขึ้นมาก แต่บางบริษัทมีเกณฑ์การปรับขึ้นเงินเดือนที่สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อทำให้พนักงานหมดกำลังใจในการทำงาน เพราะแม้ว่าจะได้ปรับขึ้นเงินเดือนมากกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เพียงพอ หรือสามารถใช้จ่ายหนี้สินได้ ดังนั้นการมองหางานใหม่ที่ได้เงินเดือนมากกว่าคือทางออกของพวกเขา 4. ระบบการทำงานไม่เอื้อให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพเท่าที่ควร พนักงานโดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวรุ่นใหม่จะไม่ค่อยชอบระบบการทำงานที่ล้าหลัง หรือการทำงานที่ต้องผ่านกระบวนการอนุมัติหลายขั้นตอน เพราะพวกเขามองว่าเป็นการทำงานที่ใช้เวลานาน กว่าจะส่งงานผ่าน กว่าจะแก้ไขสำเร็จ กว่างานจะออกมาทำให้พวกเขาต้องใช้กำลังกายกำลังสมองมากกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นหากเลือกได้พวกเขาจะมองหาองค์กรที่มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ หรือมีการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับเนื้องานเพื่อให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากกว่า 5. ได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด คนทำงานหลายคนประสบปัญหาเรียนจบอีกอย่าง แต่ต้องมาทำงานอีกอย่างที่พวกเขาไม่ถนัด ดังนั้นพวกเขาจะรู้สึกกดดันทั้งในเรื่องของเนื้องานที่ต้องมาเรียนรู้ใหม่

Continue reading

PDPA ฉบับเข้าใจง่าย เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?

PDPA ฉบับเข้าใจง่าย เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร? เริ่มต้นที่ PDPA คืออะไร? ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งค่อนข้างจะละเอียดอ่อน เรามาทำความเข้าใจกันแบบคร่าว ๆ ก่อนว่าเจ้า พ.ร.บ. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ปี 2562 หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) นั้นคืออะไร? และทำมาเพื่อบังคับใช้กับคนกลุ่มไหนเป็นหลัก หัวใจสำคัญของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ฉบับนี้ ทำมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้บริโภคหรือประชาชนเป็นสำคัญ เน้นควบคุมหน่วยงานรัฐหรือองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ที่จัดเก็บข้อมูลของเราไว้เป็นจำนวนมาก หลังจากนี้หน่วยงานไหนที่นำข้อมูลของเราไปใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลและนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย PDPA เป็นประโยชน์ต่อใคร? จากข้อมูลด้านบน จะเห็นได้ว่าตัวกฎหมาย PDPA มาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะ บนโลกกลม ๆ ที่เต็มไปด้วย Data มหาศาล ทุกข้อมูลส่วนตัวของเราที่แต่ละบริษัทได้ไปนั้น ล้วนแล้วแต่มีมูลค่าในเชิง Marketing เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการนำไปวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์ทางการค้า หรือนำข้อมูลของเราไปเพิ่มมูลค่าให้กลุ่มนายทุน ด้วยการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนกันในตลาด ในทางกลับกัน สิ่งที่ประชาชนที่ตาดำ

Continue reading

เคล็ดลับทำให้ ก้าวหน้าในอาชีพการงาน

สำหรับชีวิตการทำงานแล้ว ไม่ว่าใครก็คาดหวังว่าอาชีพการงานของตนเองจะก้าวหน้าและมั่นคงกันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมีคนส่วนมากที่ติดอยู่กับตำแหน่งหน้าที่เดิม ๆ เป็นระยะเวลานานหรืออาจหลุดจากตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกันก็มีคนที่ก้าวหน้าอย่างพรวดพราดจึงเกิดเป็นข้อสงสัยที่ว่าอะไรคือความแตกต่างกันระหว่างคน 2 กลุ่มนี้และอะไรเป็นปัจจัยที่นำคนเหล่านั้นไปสู่ความสำเร็จได้ หากคุณมีความสงสัยในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน วันนี้มีคำตอบมาฝากกัน ถือเป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ทำให้ ก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลยทีเดียว ขั้นแรก ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นที่คนส่วนใหญ่มองข้าม การทำงานโดยที่ไม่มีเป้าหมายไม่ต่างจากการทำงานเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ ทำตามที่ผู้ว่าจ้างบอกให้ทำโดยไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไรกันแน่ การวางเป้าหมายหมายถึงการตั้งเป้าเอาไว้ว่าในระยะสั้นเราต้องการอะไรและในระยะยาวเราต้องการอะไร เป็นทั้งเป้าหมายใหม่ ใหญ่ หรือเล็กในชีวิต เมื่อบรรลุเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งก็ให้รางวัลกับตัวเอง เพื่อเป็นกำลังใจในการก้าวสู่เป้าหมายต่อไป เป้าหมายจะสร้างกำลังใจและแรงผลักดันในเชิงบวกกับการทำงาน คิดให้รอบด้าน วางแผนให้รอบคอบ หลังจากวางเป้าหมายเรียบร้อยแล้วก็ควรวางแผนสำหรับเป้าหมายนั้น ๆ เอาไว้ด้วย ไม่ควรทำอะไรโดยไม่มีแผน เพราะเมื่อดำเนินการไปได้ครึ่งทางแล้ว คุณอาจพบว่าตนเองกำลังไปผิดทางโดยไม่รู้ตัว กลับกลายเป็นเรื่องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ พิจารณางาน-เป้าหมายที่ตนต้องการให้ดี มีวิธีการหรือกลยุทธ์อะไรบ้างเพื่อให้บรรลุตามจุดประสงค์ จะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร หากมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า การดำเนินงานก็สามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะสามารถคาดการณ์ถึงปัญหาเอาไว้ได้ล่วงหน้า จึงสามารถหาวิธีป้องกันและแก้ไขได้ทันท่วงที การทำงานเองก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย เปิดหูเปิดตา หาความรู้ใหม่ ๆ ส่วนสุดท้ายสำหรับเคล็ดลับ 3 ข้อ นับเป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะการหาความรู้ใหม่ ๆ เป็นเรื่องจำเป็นมากในสภาวะที่โลกของเราหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ๆ การเปิดหูเปิดตาหาความรู้เป็นการเสริมสร้างทั้งความรู้ ความเข้าใจในความเป็นไปของสังคม พร้อมกับการเพิ่มเติมทักษะต่าง ๆ

Continue reading

วิธีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ‍ ประสิทธิภาพในการทำงานที่หลาย ๆ คนพูดถึงคือ การวัดว่าเราสามารถทำงานได้ดีและถูกต้องด้วยวิธีที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ และงานที่ทำนั้นตรงตามเป้าหมายของทั้งบริษัทและตัวเอง ซึ่งต้องคำนึงถึงทั้ง Input ที่เราใส่เข้าไปในงานอย่างเวลาและพลังงาน (หรือวัตถุดิบที่ใช้ผลิตถ้ามองในมุมอุตสาหกรรม) และ Output หรือผลลัพธ์ที่ได้ว่ามีปริมาณและคุณภาพมากขนาดไหน ซึ่งเป้าหมายของการทำงานที่นับว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดวัดได้จาก – ใช้เวลาน้อยที่สุด – สูญเสียพลังงานน้อยที่สุด – ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพและปริมาณสูงที่สุด การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานจึงโฟกัสไปที่การทำงานให้เร็วขึ้น มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น และผลลัพธ์ทำให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว งานที่แตกต่างกันก็มีข้อจำกัดต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องเวลา ยกตัวอย่างเช่น พนักงานออฟฟิศที่มีช่วงเวลาทำงานตายตัว กับ ฟรีแลนซ์ที่บริหารเวลาทำงานเองทั้งหมด สิ่งสำคัญจึงเป็นการปรับวิธีการทำงานของตัวเองและเรียนรู้เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง ในบทความนี้ เราเลยขอแนะนำ 5 วิธีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร ที่ไหน และด้วยเวลาแบบตายตัวหรือไม่ก็ตาม 1. เริ่มวางแผนตารางเวลา เมื่อได้รับงานมาทั้งงานแบบระยะสั้นและระยะยาว สิ่งแรกที่ควรทำคือ การจัดตารางงานโดยการแบ่งงานและจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และส่งผลต่อเป้าหมายของคุณและบริษัท การจัดลำดับความสำคัญ วิธีการจัดลำดับความสำคัญของงานนั้นมีหลากหลายแบบ แต่โมเดลที่คนนิยมใช้คือ Eisenhower Matrix หรือเจ้า Urgent-Important Matrix ซึ่งแบ่งงานออกเป็น 4 ส่วนตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนดังภาพ จะเห็นได้ว่างานแต่ละงานมีความสำคัญไม่เท่ากัน และมันส่งผลกับชีวิตคุณไม่เท่ากันด้วย

Continue reading

ขึ้นทะเบียนกับนายจ้างต้องทำอย่างไรบ้าง

ทำไมต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้าง และ ใครที่ต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้างบ้าง? ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 หากคุณเป็นนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และต้องการให้สวัสดิการลูกจ้างในสังกัดของคุณเป็นประกันสังคม คุณก็จำเป็นที่จะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างกับกองทุนประกันสังคม เพื่อให้ลูกจ้างของคุณเป็นผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิประกันสังคมตามกฎหมาย โดยที่คุณจะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนนายจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คุณมีลูกจ้าง และเมื่อมีการรับลูกจ้างเข้ามาใหม่ ก็จะต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ ภายใน 30 วันเช่นกัน หรือเมื่อมีลูกจ้างลาออกจากงาน คุณที่เป็นนายจ้างก็จะต้องแจ้งการออกจากงานโดยระบุสาเหตุการออกจากงานด้วย ซึ่งถ้าหากคุณไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้ การขอขึ้นทะเบียนนายจ้างไม่จะเป็นต้องเป็นนายจ้างที่จดทะเบียนบริษัทเท่านั้น แต่หากเป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของกิจการหรือจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และมีลูกจ้าง 1 คนขึ้นไปก็ต้องขอยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนนายจ้างด้วยเช่นกัน เตรียมเอกสารขอขึ้นทะเบียนนายจ้าง คุณควรเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนเตรียมตัวไปยื่นขึ้นทะเบียน เอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้เมื่อต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนนายจ้างก็คือ แบบฟอร์ม สปส.1-01 (Click)  ซึ่งเป็นแบบฟอร์มขอขึ้นทะเบียนนายจ้างตามกำหนดของสำนักงานประกันสังคม และนอกจากแบบฟอร์ม สปส.1-01 แล้ว นายจ้างอย่างคุณยังต้องใช้เอกสารอื่น ๆ ประกอบการยื่นด้วย โดยแบบเป็นกรณีต่าง ๆ ดังนี้ กรณีจดทะเบียนนิติบุคคล (ต้องใช้เอกสารแนบทุกข้อที่กำหนด) แบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สปส. 1-01) สำเนาหรือภาพถ่ายหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ช.20) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน

Continue reading

สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีน 2566

6 สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีน  วันตรุษจีน เปรียบเสมือนวันปีใหม่ของชาวจีน เป็นเทศกาลที่มีการสืบทอด พิธีกรรม ความเชื่อส่งต่อกันมานานแสนนาน วันตรุษจีนจึงถือเป็นเทศกาลมงคลอย่างมากของคนจีน หรือเชื้อสายจีน ในทางตรงกันข้าม ก็มีความเชื่อที่ส่งต่อกันมาเช่นกัน กับข้อห้าม! ที่อย่าทำในช่วงวันตรุษจีน เพื่อความเป็นสิริมงคล และเฮงไปตลอดทั้งปี เชื่อไว้ไม่เสียหาย มาเช็กรายการไปพร้อม ๆ กันได้เลย… ประวัติวันตรุษจีน หรือวันปีใหม่จีน วันตรุษจีน นั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี พิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีนนั้น มีมานานกว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร วันตรุษจีน นั้นเป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น ข้อห้ามที่ 1 ห้ามร้องไห้ คนจีนมีความเชื่อว่า หากร้องไห้หรือเกิดความเสียใจขึ้นในวันตรุษจีน จะต้องพบเจอกับเรื่องที่ทำให้เสียใจและเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นตลอดทั้งปี

Continue reading

กฎหมายน่ารู้ ฉบับ HR มือใหม่ : สัญญาจ้างงาน…ไม่ต้องเซ็นก็เป็น ‘สัญญา’ ได้

กฎหมายน่ารู้ ฉบับ HR มือใหม่ : สัญญาจ้างงาน…ไม่ต้องเซ็นก็เป็นสัญญาได้ สัญญาการจ้างงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตกลงจ้างงานกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เพราะนี่คือ ‘หลักฐาน’ ที่แสดงให้เห็นว่า การจ้างงานนั้นสมบูรณ์ แล้วสัญญาแบบไหนที่นายจ้างควรจัดทำขึ้นเพื่อไม่ให้ผิดต่อหลักกฎหมายและลูกจ้างจะไม่โดนเอาเปรียบ . ‘สัญญา’ คืออะไร ? สัญญาการจ้างงาน ตามกฎหมายแรงงาน คือ สัญญาการตกลงว่าจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งหากตกลงด้วยวาจาทั้งสองฝ่าย และทั้งสองฝ่ายยอมรับแล้ว ก็ถือเป็นสัญญาจ้างงานแล้ว และเมื่อลูกจ้างลงมือทำงานให้นายจ้าง ก็ถือว่าสัญญาเป็นอันสมบูรณ์ แต่เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง องค์กรแทบทุกแห่งจะจัดทำเป็น ‘หนังสือสัญญาจ้าง’ ซึ่งจะระบุข้อมูลองค์กร รายละเอียดของงาน ข้อกำหนด เงื่อนไขการทำงานต่าง ๆ ให้เข้าใจและรับรู้ร่วมกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งต้องไม่ขัดกับกฎหมายแรงงาน ไม่เช่นนั้น สัญญานั้นจะกลายเป็นโมฆะ นอกจากนั้น หากไม่มีการทำหนังสือสัญญาหรือตกลงกันด้วยวาจา แต่อาจมีกรณีที่นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงานพร้อมจ่ายค่าจ้างให้ แต่ไม่ได้ตกลงกันด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร เป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น จะเป็นการตกลงจ้างงานโดยปริยาย ก็ถือเป็นสัญญาจ้างได้เช่นกัน . ปพพ. มาตรา ๕๗๕ บัญญัติว่า “อันว่าสัญญาจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ลูกจ้าง ตกลงทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะจ่ายสินจ้างให้ตลอดระยะเวลาที่ทำงานให้” . พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

Continue reading

Categories

Recent Posts

Optimistic HR Recruitment Co., Ltd.

27 Soi Somdejprachaotaksin 14
Bukkalo Thonburi 10600
TAX ID: 0105552066498

©2025 Copyright
All Right Reserved
[email protected]
092-991-6251
02-466-5688
www.optimistic.com | @optimistichr